นายกรัฐมนตรีมอบรางวัลให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ขอให้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับภูมิปัญญาท้องถิ่นมาขับเคลื่อน ปรับปรุงกระบวนการผลิต และการตลาดให้สอดคล้องกับแนวพัฒนาประเทศ
วันนี้ (10 มกราคม 62 ) เวลา 09.00 น. ณ อาคารชาเลนเจอร์ อาคาร 2 ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานงานมหกรรมการแสดงผลการดำเนินงานโครงการตามแนวทางประชารัฐของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยมี พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเข้าร่วม และมีผู้แทนจากกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองจากทั่วประเทศร่วมงานกว่า 20,000 คน
ทั้งนี้ ตลอดระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (2559 – 2561) กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองได้ดำเนินโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในหมู่บ้านและชุมชนพัฒนากิจกรรมด้านการประกอบอาชีพ การผลิตสินค้าและบริการ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาการบริการประชาชน ซึ่งก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ การจัดสวัสดิการ และการแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านและชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ กว่า 70,000 กองทุน ผ่านการดำเนินโครงการตามแนวทางประชารัฐกว่า 200,000 โครงการ เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนในการทำประชาคมโดยชุมชน ผ่านกลไกของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองทั่วประเทศ ก่อให้เกิดประโยชน์หลายมิติ เช่น ร้านค้าชุมชน โครงการน้ำดื่มชุมชน โครงการส่งเสริมการเกษตร โครงการผลิตภัณฑ์ประชารัฐ โครงการตลาดประชารัฐ สร้างรายได้กว่า 39,000 ล้านบาท ทำให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองมีโอกาส ฟื้นฟู เป็นกองทุนที่เข้มแข็งตามนโยบายของรัฐไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้มอบรางวัลให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตามแนวทางประชารัฐในแต่ละจังหวัด พร้อมกล่าวมอบนโยบายการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเมืองตอนหนึ่งว่า ดีใจที่ได้มาพบประชาชน และยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัล ซึ่งเป็นรางวัลของความภาคภูมิใจในการรู้จักคิด รู้จักทำ และใช้ศักยภาพในการบริการจัดการรวมถึงความสามัคคีของชุมชน รัฐบาลมีนโยบายที่สนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่ม โดยประชาชนเพื่อประชาชนผ่านกลไกประชารัฐ ให้เดินหน้าไปสู่ความเข้มแข็งของชุมชน เกิดความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน อยู่บนพื้นฐานความพอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกัน มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกับภูมิปัญญาท้องถิ่นมาขับเคลื่อน ซึ่งประสบการณ์เพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ต้องมีการปรับเปลี่ยนการปฏิบัติ การเรียนรู้ รวมไปถึงการปรับปรุงกระบวนการผลิต และการตลาดให้สอดคล้องกับแนวทางพัฒนาประเทศไปสู่ไทยแลนด์ 4.0
ที่มาของข่าว : http://www.thaigov.go.th/news/contents/details/18052